เกี่ยวกับเรา

เรื่องเล่าจากคุณเคนเนธ ริมดาห์ล ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของ มอนซูน ที

"ไอเดียในการเริ่มทำ มอนซูน ที เริ่มต้นเมื่อผมได้เดินทางมาที่ภาคเหนือของเมืองไทยครั้งแรกยี่สิบกว่าปีก่อน เพื่อมาหาซื้อกาน้ำชาเซรามิกให้กับบริษัทชาในสเปนที่ผมทำงานอยู่ ณ ตอนนั้น ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการผลิตชาในประเทศไทยด้วย จนกระทั่งผมได้พบกับเพื่อนใหม่ คุณวรการณ์ วงศ์ฟู หรือ คุณเอก ผู้ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับใบชาหมักที่สามารถรับประทานได้ หรือที่เรียกกันว่า “เมี่ยง” และทุกวันนี้คุณเอกก็เป็นหุ้นส่วนหลักของมอนซูน ที

ด้วยความที่ผมอยากศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาในประเทศไทย ผมก็ได้มารู้ว่าที่จริงแล้วคนไทยในสมัยโบราณมักจะรับประทานใบชามากกว่าจะนำมาดื่ม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมได้ยินเรื่องราวของชาจากญี่ปุ่น จีน ศรีลังกา แม้กระทั่งรัสเซีย แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับชาจากเมืองไทย ผมได้เห็นใบชาหมักหรือเมี่ยงนี้ในตลาดแต่ผมก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่ามันจะมาจากใบชาแบบเดียวกับที่ผมขายอยู่ที่สเปน ผมจึงเดินทางขึ้นไปบนดอยและเห็นด้วยตาตัวเองว่าเป็นความจริง และสิ่งที่พิเศษกว่านั้นก็คือว่าต้นชาในท้องถิ่นนั้นก็เติบโตเคียงคู่กับผืนป่าพร้อมๆ ไปกับพืชพรรณชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นอะไรที่แตกต่างจากชาของประเทศอื่นๆ ในเอเชียอย่างมาก

ตั้งแต่ได้ค้นพบความพิเศษของชาที่เติบโตเคียงคู่กับผืนป่าในครั้งนั้น ผมก็ได้กลับมายังประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจก้าวออกมาจากบริษัทชาที่สเปน และมาทำมอนซูน ที ธุรกิจใหม่ของผมอย่างเต็มตัว และเมื่อผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการผลิตและบริโภคชา รวมถึงการตัดไม้ทำลายป่าในภาคเหนือของประเทศไทยมากขึ้น ผมก็ตัดสินใจที่จะทำชาที่เป็นมิตรต่อผืนป่าเท่านั้น ซึ่งหมายถึงต้นชาที่เติบโตเคียงคู่กับผืนป่า เคียงคู่กับพืชพรรณนานาชนิด และเป็นต้นชาที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาฆ่าแมลง ระบบการจ่ายน้ำที่ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรน้ำ และไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมี

ตอนนี้เวลาผ่านมาประมาณห้าปีหลังจากที่เราได้ตั้งบริษัทมอนซูน ที ขึ้นมา และผ่านมาเกือบ 20 ปี หลังจากที่ไอเดียในการทำมอนซูน ที เริ่มก่อตัว และ ณ ปัจจุบันเราเป็นบริษัทที่กำลังเติบโตอย่างมั่นคง เรามีร้านของเราทั้งหมดห้าสาขาในประเทศไทย และมีคำสั่งซื้อทางเว็บไซต์จากลูกค้าทั่วโลก เรามีลูกค้าที่ไว้วางใจทำการค้าส่งกับเรามากมาย และมีการจัดกิจกรรมจับคู่ชากับอาหารเลิศรสร่วมกับร้านอาหารรางวัลมิชลินในกรุงเทพฯ ผมรู้สึกอิ่มเอมใจมากที่ได้ทำธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงความยั่งยืนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และได้นำเสนอผลิตภัณฑ์นั้นสู่สายตาของคนทั่วโลก

ผมขอขอบคุณ ที่คุณได้สละเวลาเข้ามาอ่านเรื่องราวของเรา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันหนึ่งเราจะได้พบกันที่ร้านมอนซูน ที นะครับ"

เคนเนธ ริมดาห์ล