หรือว่าชาจะราคาถูกไป
หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้ถึงที่มาของชาสักถ้วยว่าต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมากมาย วันนี้เราจึงอยากจะมาแชร์กับทุกคนว่าทำไมชาในตลาดโลกควรจะมีราคาสูงขึ้น
1. ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม
ประเด็นแรกเลย คือ การผลิตชานั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบๆ เป็นอย่างมาก ไม่ต่างกับการผลิตสินค้าประเภทอื่นๆ นัก การผลิตชาส่วนใหญ่ในหลายๆ ประเทศทั่วโลกมาจากการทำไร่ชาขนาดใหญ่ซึ่งมีชาสายพันธุ์ที่ใช้เพาะปลูกกันในไร่เท่านั้น และไม่ใช่ชาสายพันธุ์ที่ขึ้นและเติบโตเองตามธรรมชาติ การทำไร่ชาแบบนี้ เป็นการทำการเกษตรเชิงเดี่ยว ที่ปล่อยให้ “ชาไร่” สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีพืชชนิดอื่นมารบกวนการเจริญเติบโต ซึ่งในอดีตก็มีการถางป่าเพื่อทำไร่ชากันมามาก และยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ป่าไม้และแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตในป่าต้องถูกทำลายเพื่อการผลิตชาที่เราดื่มกันเป็นประจำ ฉะนั้นการจะทำให้ชาราคาถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น จะต้องควบคุมการผลิตให้มีประสิทธิภาพที่สุด แต่ถ้าหากเราต้องการชาที่คำนึงถึงความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่านี้ เราก็อาจจะต้องเตรียมตัวจ่ายราคาที่มากกว่ากันสักหน่อย
2. สภาพการทำงานของแรงงาน
ชาส่วนใหญ่ที่ขายกันทั่วโลกนั้นมาจากไร่ชาขนาดใหญ่ ซึ่งถูกออกแบบมาให้การผลิตชานั้นมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตมากที่สุด ไร่ชายักษ์ใหญ่มักจะมีแรงงานเป็นร้อยๆ คน ที่ต้องเดินทางมาจากหมู่บ้านของตนเองเพื่อมาหางานที่สามารถจุนเจือปากท้องของตัวเองและครอบครัวได้ ถึงแม้เหล่าแรงงานมักจะต้องมารู้ทีหลังว่าค่าจ้างนั้นไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่พวกเขาก็ต้องเลือกที่จะอยู่ที่ไร่ชาและเก็บชากันต่อไปเพื่อปากท้องของตัวเองและครอบครัวอยู่ดี
3. การผลิตและการใช้แรงงาน
การผลิตชานั้นไม่ใช่ง่ายๆ เราขอสาธยายให้ทุกคนได้รับรู้ทั่วกัน งั้นขอให้ทุกคนมานึกภาพการผลิตชาไปพร้อมๆ กัน จากใบชาที่อยู่บนต้นจนกลายมาเป็นชาที่อยู่ในถ้วยของทุกคน
ขั้นแรก คนเก็บชาจะต้องเก็บใบชา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานในไร่ชาที่ชาถูกปลูกกันเป็นทิวแถวสวยงามโดยไม่มีพืชอื่นๆ มารบกวน การเก็บใบชาก็ยังเป็นงานที่ยากแถมยังต้องใช้พลังกายมาก เพราะต้นชามักจะถูกปลูกบริเวณเนินเขาที่ลาดชันและต้องเก็บกันในเวลาที่แดดออกแรงๆ ซึ่งการที่จะเก็บใบชาได้อย่างแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และอดทนเก็บได้นานๆ นั้น ก็ยากตามที่บรรยายจริงๆ และในความเป็นจริงก็อาจจะโหดไปกว่านั้น คนเก็บชานี่เหมือนเป็นฮีโร่ของเราจริงๆ
หลังจากการเก็บเกี่ยวใบชา ก็มาถึงขั้นตอนที่ใบชาจะต้องผ่านกระบวนการ ซึ่งกระบวนการนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประเภทของชาที่จะผลิต และแน่นอนว่าขั้นตอนนี้ก็ไม่ได้หมูๆ เหมือนกัน และหลังจากขั้นตอนนี้ก็จะต้องอาศัยคนอีกจำนวนหนึ่งมาช่วยกันคัดแยกใบชา ซึ่งจะเป็นการคัดเอาใบชาที่ไม่ได้มาตรฐานและวัตถุอื่นๆ ที่อาจปะปนอยู่ออกไป
สุดท้ายหลังจากการคัดแยกใบชา ก็มาถึงขั้นตอนการบรรจุชาใส่หีบห่อ ที่จะต้องใช้คนมากขึ้นไปอีกและมักเป็นแรงงานที่ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าที่ควร ซึ่งค่าจ้างที่ต่ำนี้ ก็เป็นผลพวงมาจากอุตสาหกรรมชาที่แข่งขันกันสูง บริษัทชาพยายามกดราคาสินค้าให้ต่ำเพื่อสู้กับคู่แข่ง ส่งผลให้สภาพการทำงานของแรงงานแย่ลง
4. การขนส่ง
หลังจากที่ชาผ่านการผลิตและบรรจุใส่หีบห่อเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาส่งไปวางขายทั่วโลก และแน่นอนว่าขั้นตอนนี้ก็ไม่ได้ฟรีๆ และก็คงไม่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของเราในระยะยาวหรอก อย่างไรก็ตาม ตู้คอนเทนเนอร์ที่เต็มไปด้วยชาก็ถูกส่งไปขายทั่วโลกในทุกๆ วัน พอถึงเมืองท่าแล้วก็ต้องมีการใส่บรรจุภัณฑ์กันใหม่ แล้วก็ส่งไปยังจุดหมายถัดไป และหลังจากชาที่เก็บเกี่ยวโดยแรงงานผู้ได้รับค่าจ้างน้อยนิดต้องเดินทางด้วยยานพาหนะหลายต่อหลายชนิดเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ต้องมาคิดเทียบราคาของชายี่ห้อต่างๆ ก่อนที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่พอใจที่สุดกลับไปบ้าน
5. ธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน
ในธุรกิจการทำชา ก็มักจะมีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก และล้วนแต่เป็นคนที่ต้องได้รับค่าตอบแทนเพียงพอที่จะดำรงชีวิตและหล่อเลี้ยงธุรกิจของตัวเอง มีทั้งคนเก็บใบชา เกษตรกร ผู้ผลิตชา ผู้จัดซื้อ ตัวแทนจัดจำหน่าย บริษัทที่รับชาไปแต่งกลิ่น รวมถึงร้านขายชาและธุรกิจต่างๆ ที่นำชาไปขาย ซึ่งทุกฝ่ายล้วนแล้วแต่ต้องการผลประโยชน์ที่ตนเองพึงได้ แต่เมื่อมีการกดราคาชา คนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดมักจะเป็นผู้ที่ใช้แรงงาน ซึ่งการทำแบบนี้จะไม่เกิดความยั่งยืนในระยะยาว เพราะหากคนเก็บใบชาและผู้ผลิตชาได้รับค่าจ้างต่ำ สุดท้ายก็จะเจอปัญหาต่างๆ ในขั้นตอนการผลิต
ในการทำงานของมอนซูน ที เราจะไม่ขอให้เกษตรกรผู้ดูแลต้นชาให้ลดราคาชาให้เราในกรณีที่ยอดขายของเราเกิดลดลง เราจะเป็นคนรับผลกระทบทางการเงินไว้ ซึ่งผู้ที่ไม่ควรได้รับผลกระทบนี้เป็นพิเศษก็คือผู้ที่ใช้แรงงาน การทำธุรกิจที่ยั่งยืนนั้นจะต้องคำนึงถึงทุกคนและทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งป่าไม้ เหล่าแมลง คนเก็บใบชา แรงงาน ผู้ผลิต ทั้งคนในบริษัทของเรา และแน่นอนว่าเราก็จะต้องทำผลิตภัณฑ์ที่ดีเพื่อลูกค้าของเราที่ยอมจ่ายค่าชาในราคาที่อาจจะสูงสักหน่อย ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำให้ชามีราคาสูงขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่แย่ แต่เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนเพื่อเราทุกๆ คน